วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

10 : ว่าด้วยเรื่องเพราะชีวิตคือชีวิต

    สวัสดีค่ะ มาอัพบล็อคกันเถอะ แม้ตอนนี้จะรู้สึกเหมือนมีมรสุมชีวิต (เนื่องจากรายงานวิชาเจแปนนีสไรท์ติ้งและอะไรๆอีกมากมาย) ตามหัวข้อคือเกี่ยวกะชีวิต ค่ะ เนื่องจากต้องการหาอะไรแง่บวกๆอ่าน วันนี้เลยขออัพเป็น Quote ให้กำลังใจตัวเองและหลายๆคนที่ต้องการละกันค่ะ (จริงๆก็ไม่เชิง ออกแนวปลงๆ ถถถถถถ)
    ปล.เอนทรี่นี้อาจนอกเรื่องไปบ้าง ขออภัยค่ะ -/\- 


・人生には、二つの道しかない。一つは、奇跡などまったく存在しないかのように生きること。もう一つは、すべてが奇跡であるかのように生きることだ。
   (アインシュタイン(理論物理学者、ノーベル物理学賞受賞 / 1879~1955))

   There are only two ways to live your life. One is as though nothing is a miracle. The other is as though everything is a miracle.

    มีเพียงสองวิธีสำหรับการใช้ชีวิตก็คือ หนึ่งก็คือไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งนั้น สองก็คือทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก็คือปาฏิหาริย์ทั้งนั้น



・何も後悔することがなければ、人生はとても空虚なものになるだろう。
    (ゴッホ(オランダ出身のポスト印象派の画家 / 1853~1890))
    
    Your life would be very empty if you had nothing to regret.
    ถ้าชีวิตไม่เคยผิดหวังเลยก็คงเป็นชีวิตที่ว่างเปล่ามาก
    
    => งั้นตอนนี้ชีวิตเราคงไม่ว่างเปล่าแล้วล่ะ เย้!!!!!!!!!


希望があるとことに人生もある。希望が新しい勇気をもたらし、再び強い気持ちにしてくれる。
   (アンネ・フランク(「アンネの日記」著者、ユダヤ系ドイツ人少女 / 1929~1945))
   
    Where there’s hope, there’s life. It fills us with fresh courage and makes us strong again.
    ตราบใดที่ยังมีความหวังเราก็ยังมีชีวิต ความหวังทำให้เรามีกำลังใจและทำให้เรากลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
    
    => แม้เราจะผิดหวังแต่เราก็ต้องมีความหวังต่อไปนะค้าาาาาา ถึงจะยาก แต่พยายามเถอะ ถถถถถ


・人生で学んだすべてを私は3語にまとめられる。それは「何があっても人生には続きがある」ということだ。
    (ロバート・フロスト(米国の詩人 / 1874~1963))
    
    In three words I can sum up everything I’ve learned about life: “It goes on.”
    สรุปสั้นๆเกี่ยวกับชีวิตก็คือ "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป"
     
    => จริงมั้ย? อดทนไว้ อีกไม่นาน เราก็จะผ่านมันไปได้ ฮึ้บๆๆๆๆๆ


ศัพท์ที่(คิดว่า)น่าสนใจ 
奇跡(きさせ)= ปาฏิหาริย์, สิ่งมหัศจรรย์
勇気 (ゆうき) = นอกจากจะแปลว่าความกล้าหาญแล้วก็ยังแปลว่า กำลังใจ ได้ด้วยค่า
=>勇気を齎す(ゆうきをもたらす)= นำมาซึ่งกำลังใจ
空虚 (くうきょ) = ความว่างเปล่า ไร้แก่นสาร


สุดท้ายนี้ ขอปิดท้ายด้วยประโยคนี้

君が笑えば、世界は君とともに笑う。君が泣けば、君は一人きりで泣くのだ。
(エラ・ウィーラー・ウィルコックス(米国の女性作家、詩人 / 1850~1919))
Laugh, and the world laughs with you; weep, and you weep alone.
ถ้าคุณหัวเราะโลกก็จะหัวเราะไปกับคุณ แต่ถ้าคุณร้องไห้ คุณจะร้องไห้เพียงลำพัง

แล้วเจอกันใหม่นะ มาหัวเราะกันเถอะค่าาาาาาา วะฮะฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาา อย่าร้องๆ


วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

09 : ว่าด้วยเรื่องเรือจม



     สวัสดีจ้า หายไปนานกับการอัพบล็อค วันนี้เรากลับมาพร้อมกับข่าว ข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ;_; วันนี้เมื่อปีที่แล้ว (วันที่ 16 เมษายน 2557) ได้เกิดโศกอนาฏกรรมเรือเซวอลล่ม ณ ประเทศเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียน วันนี้ 16 เมษายน 2558 ที่ประเทศเกาหลีใต้จึงได้มีการรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ และใช้สัญลักษณ์ตามภาพด้านบนค่ะ

     ทีนี้เราก็เลยเปิดเว็บ NHK ดู อยากรู้ว่าจะมีเกี่ยวกะข่าวนี้มั้ย ซึ่งก็พบว่าNHKก็ได้ลงข่าวการรำลึกนี้ด้วยเช่นกันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าจะมีศัพท์อะไรบ้างงงง
   
     セウォル号沈没1年 韓国各地で追悼行事
     ไว้อาลัยครบรอบ 1 ปีเรือเซวอลจม ณ ประเทศเกาหลีใต้


     เริ่มจากคำนี้เลยย 沈没 (ちんぼつ) คำนี้แปลว่า การจมหาย การอับปาง โดยตัว 沈 ก็มาจากกริยา 沈む(しずむ) ที่แปลว่า จม ส่วนตัว (ぼつ) คำนี้แปลว่า ดับสูญ พอมารวมกันก็เลยกลายเป็นนามตัวนึงแปลว่า จมหาย สามารถใช้ต่อกับคำนามตามพาดหัวข่าวได้เลยยย

     ต่อมาาาา 追悼 (ついとう) คำนี้แปลว่า การไว้อาลัย ดังนั้น 追悼行事(ついとうぎょうじ) ก็เลยเป็น พิธีไว้อาลัย หรือการจัดงานไว้อาลัย ให้ผู้ที่จากไป อะไรประมาณนี้นั่นเองค่า

     แล้วหลังจากที่ไปอ่านข่าวเราก็เจอศัพท์ที่น่าสนใจ เช่น 旅客船(りょかくぶね)หมายถึง เรือโดยสาร ซึ่งคำว่า ที่แปลว่า เรือ ก็เป็นคำที่น่าสนใจ เพราะว่าอ่านได้หลายแบบมาก ทั้ง ふねふな หรือ せん (หลายคนอาจจะรู้แล้วแต่เราเพิ่งรู้ง่ะ 555555555) เช่น

     - 沈没 (ちんぼつ)+ 船 จะอ่านว่า 沈没船(ちんぼつせん) แปลว่า เรืออับปาง
     - 船客 = せんきゃく แปลว่า ผู้โดยสารเรือ
     - 船酔い= ふなよい แปลว่า การเมาเรือ
     - 船旅 = ふなたび  แปลว่า การเดินทางโดยเรือ
     - 旅客船 = りょかくぶね แปลว่า เรือโดยสาร

     วันนี้ก็ประมาณนี้อ่ะเนอะะะ จริงๆเรื่องศัพท์เกี่ยวกะเรือนี่ดูไม่ค่อยเกี่ยว แต่เราว่ามันก็น่าสนใจดีอ่ะะะ แฮ่ๆ อย่างไรก็ตามก็ขอร่วมไว้อาลัยกับผู้ที่จากไปเนื่องจากเหตุการณ์นี้ด้วยนะคะ -/\- แล้วเจอกันใหม่เอนทรี่หน้าค่ะ #remember0416

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

08 : I can change (New Me)

   มาถึงการ storytelling ครั้งสุดท้ายกันแล้วววววว หลังจากที่พูดไปรอบนึง(by myself)แล้วก็เรียนรู้และแก้ใหม่ไปรอบนึง(I see!) นี่ก็เป็นการพูด storytelling เรื่องนี้ในห้องเรียนเป็นครั้งสุดท้ายค่า จะเป็นไงบ้าง ไปดูกันเล้ยยยยย



  ここは赤ちゃんと犬がいます。、犬は寝ていますが。赤ちゃんは犬の背中に乗りたいと思っています。(へぇ)赤ちゃんは犬にハイハイして近づいていました。でも、犬は目を開けてしまって、赤ちゃんは驚いていました。(はい)それで、赤ちゃんは、もう一度犬の背中にまだ乗りたいと思もいました。(へぇ)その犬を周り込んでいましたが。その犬は寝ている向き変えたので、(うん)犬と赤ちゃんは顔を合わせてしまいました。(へぇ) 

ps. ตรงที่วงเล็บคือ あいづち ของผู้ฟังค่ะ


    ในฐานะผู้พูดก็รู้สึกว่าพูดได้ดีขึ้นค่ะ เนื่องจากได้ใช้ศัพท์ที่เรียนรู้มาเล่าครั้งนี้ ทำให้การเล่าครั้งนี้ต่างจากที่เล่าไปครั้งแรก ซึ่งแทบไม่รู้เรื่องเลย (-.-) ต่อไปคือ ไม่ใช้ そして แล้ว เย้! 555555 ก็เปลี่ยนเป็น それで、で、อะไรงี้ น่าจะทำให้เรื่องเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่า そして แหละเนอะ
    แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องคือเวลาพูดจะลืมว่าตรงนี้จะใช้คำช่วยไรดี เช่น ตรง 変えた ก็มีเผลอไปใช้ คือมันต้องเป็น を ใช่มะล่ะ แต่ตอนพูดคงมึนๆงงๆไรซักอย่างอ่ะ แล้วก็เวลาจะพูดเชื่อมประโยคก็ไม่รู้จะพูดไรดีนอกจาก それで、で เลยทำให้ดูเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ เรื่องอาจจะดูไม่ค่อยเกี่ยวกัน เพราะคำเชื่อมน้อยนั่นเองค่ะ ._. แล้วก็บางทีอาจจะผิดไวยากรณ์ไปบ้างเพราะเวลาพูดนึกไม่ค่อยทัน แค่พยายามจะสื่อให้ผู้ฟังเข้าใจเฉยๆอะไรงี้ค่ะ
    ส่วนในฐานะผู้ฟัง เราก็ใช้ あいづち เวลาฟังเพื่อนพูดมากขึ้นนะ แบบ へぇ、そうですか ไรงี้ ให้ผู้พูดรู้สึกว่าเราฟังเรื่องที่เค้าเล่าอยู่ มีถามกลับบ้างไรบ้าง เป็นการเรียนรู้ที่ดีค่ะ :)

    ก็จบบบบซีรี่ส์ I can change แว้ววววว เป็นไงบ้างงงง เรามีการพัฒนาใช่มั้ย 5555555 ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่าาา :D

07 : I can change (I see!)

   ต่อจากเอนทรี่ที่แล้วนะคะ (กว่าจะมาต่อ orz) ก็ได้อ่านที่คนญี่ปุ่นเขียนเล่าเรื่องนี้มาหลายๆแบบค่ะ ทำให้รู้ว่าการเล่าเรื่องอย่างธรรมชาติตามแบบคนญี่ปุ่นนั้นเป็นยังไง อีกทั้งได้รู้ศัพท์และสำนวนใหม่ๆที่มีประโยชน์ต่อการเล่าเรื่องนี้จากการเรียนในห้อง จึงนำเอามาปรับปรับการ storytelling ของตัวเองดังนี้ค่ะ


    ここは赤ちゃんと犬がいます。犬は寝ています。赤ちゃんは犬の背中に乗りたいと思っていました。赤ちゃんは寝ている犬にハイハイをして近づいてすると、犬は目を開けてしまいまし た。赤ちゃんはびっくりして、どうしようかなと思っていました。赤ちゃんは犬の背中に周り込んでいました。でも、犬は寝ている向きを変えたので、赤ちゃん はまた犬の顔と合わせてしまいました



    จากที่แต่งใหม่จะเห็นได้ชัดว่ามัน...สั้นลง ฮ่าๆๆๆ ไม่เวิ่นเว้อละ หลังจากที่เรียนและดูของคนญี่ปุ่นมาเราก็พบว่าในขณะที่เราชอบใช้ N + は แล้วก็อธิบายๆ แต่คนญี่ปุ่นมักจะใช้ประโยคขยายยาวๆมาขยาย N เราเลยเอามาใช้มั่ง => 寝ている犬にハイハイをして。。แบบนี้ค่ะ 
   แล้วเมื่อตอนที่ storytelling ครั้งแรกเราไม่ค่อยรู้ศัพท์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่เลยใช่ป่ะ พวก ハイハイをする・近づく・周り込む・向きを変える อะไรพวกนี้ พอครั้งนี้รู้แล้วเลยเอามาใช้มากขึ้นค่ะ ทำให้เรื่องดูเข้าใจง่ายขึ้นเยอะะะะ ป่ะ? 55555555 
   แล้วก็คนญี่ปุ่นมักจะเล่าแบบระบุมุมมองของเรื่องไปเลยอ่ะ เช่น จะเล่าจากมุมมองของสุนัข หรือจะเล่าในมุมมองของเด็ก ซึ่งต่างจากเราที่มักจะเล่าไปเรื่อยๆมากกว่า ครั้งนี้เลยพยายามเล่าให้เป็นมุมมองของเด็กมากขึ้น ไม่รู้ดูออกมั้ยง่ะ ;w;
    เนื่องจากการใช้ そして มันไม่เป็นธรรมชาติเราจึง...เลิกใช้ค่ะ! 55555555 ครั้งนี้ก็พยายามไม่ใช้แล้วอ่ะ ไปใช้ すると แทน แฮ่ๆ
    สุดท้ายคือถ้าจะทำให้ประโยคดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นส่วนมากเค้าจะใช้ てしまった มาเล่ากัน ซึ่งตอนแรกเราไม่ได้ใช้เลยอ่ะ ไม่ได้นึกถึงเลย ครั้งนี้เลยใช้ てしまった มากขึ้น ทำให้เรื่องดูเป็นธรรมชาติขึ้นบ้างมั้ยนะ...

   ค่ะ เป็นยังไงกันบ้างคะ ดูพัฒนาขึ้นบ้างมั้ย 55555555555 ยังไงก็รู้ศัพท์ใหม่มากขึ้นเรื่องก็น่าจะดีกว่าเดิมเยอะเลยเนอะ อาจจะดูสั้นๆไปนิดแต่ก็พอเข้าใจใช่ป่าววว ฮ่าๆ แล้วเจอกันใหม่ตอนสุดท้ายสำหรับ 'I can change' the series ค่ะ <3